[[ บทความที่น่าสนใจอื่นๆ ]]
๐[กฏเหล็กของคนที่อยากผอมด้วยมะนาว]
|
|
ดินให้กระแสไฟฟ้าได้อย่างไร ?
ในยุคนี้เราต่างหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเป็นสิ่งที่ทุกประเทศให้ความสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่ใช้ในโลกของเรา พลังงานหลักจะมาจากน้ำมันและไฟฟ้า เราปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเราไม่มีน้ำมัน และไฟฟ้าใช้ ความเป็นอยู่ต้องลำบาก ความสะดวกสบายทั้งหลายในชีวิตเป็นอันต้องหมดไป แต่การใช้พลังงานเหล่านี้กำลังสร้างปัญหา ประการแรกคือน้ำมันกับไฟฟ้า มีราคาแพงขึ้น รวมถึงกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้มักก่อให้เกิดมลพิษ
พลังงานสะอาดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราในยุคนี้ พลังงานสะอาดคือ พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วงที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสรับรู้รับฟังเกี่ยวกับ การใช้กระแสไฟฟ้าในดิน และได้อ่านบทความต่างประเทศเกี่ยวกับ Plant E ซึ่งเป็นพืชที่ให้พลังงานไฟฟ้าเช่นกัน ทำให้เกิดความสนใจและได้สืบค้นเพื่อหาทฤษฎีมารับรองว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเชื่อว่าความรู้ส่วนนี้จะช่วยให้ประเทศและทุกท่านสามารถผ่านพ้นวิกฤตทางด้านพลังงานไปได้
จากการทดลองของนักศึกษาปี 4 ท่านหนึ่งที่ได้ทดลองการเกิดกระแสไฟฟ้าในดินโดยการนำดินแต่ละชนิดได้แก่ ดินร่วน ดินทราย และดินเหนียว ในสองสภาพคือ แห้ง กับเปียก มาต่อไฟแบบอนุกรมเข้ากับหลอด LED ปรากฏว่าหลอดไฟสว่างขึ้น และจากการทดลองพบว่าดินที่ให้กระแสไฟฟ้ามากที่สุดคือดินเหนียว และดินที่ชุ่มน้ำ จะให้กระแสไฟฟ้ามากกว่าดินที่แห้ง นักศึกษาท่านนี้ได้สรุปว่า ประจุไฟฟ้า" เป็นสมบัติทางเคมีของดิน
ดินมีสมบัติทางเคมีหลายประการเช่น ประจุไฟฟ้าในดิน, การดูดซับแลกเปลี่ยนไอออน, ความเป็นกรดด่างและ ความเค็ม องค์ประกอบของดินที่มีบทบาทสำคัญในการแสดงสมบัติทางเคมีมี 2 ส่วน คือ อนุภาคดินเหนียวและอินทรียวัตถุ อนินทรียวัตถุหรืออนุภาคดินเหนียว จะมีประจุลบอยู่ที่พื้นผิวทำให้สามารถดูดซับและแลกเปลี่ยนประจุบวกในดินให้เข้ามาเกาะที่พื้นผิวของตัวเองได้ ส่วนธาตุอาหารที่พืชต้องการจะมีประจุบวก เช่น ธาตุไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนียม ธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็กและสังกะสี ซึ่งการแลกเปลี่ยนประจุเหล่านี้เองเป็นตัวการสำคัญให้เกิดกระแสไฟฟ้า |
เรื่องโดย
ครูนันทนา สำเภา
Webmaster NaNa-Bio.com
|